25 พฤศจิกายน 2553

กลับไทยไปเยี่ยมบ้าน + แวะเที่ยวsydney

พออยู่ครบหนึ่งปี  ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปเยี่ยมเมืองไทยซะแล้ว

กระเป๋าของฝากกลับไทยค่ะ  น่ารักทุกตัวเลยเนอะ

เนื่องจากทาสมาเนียไม่ใช่International airport  ดังนั้นก็ต้องบินจากเกาะทาสมาเนียไปsydney หรือMelbourneก่อน  ถึงจะบินกลับไทยได้

เราบินกลับsydneyค่ะ  แต่ไหนๆ  ต้องไปแวะแล้ว  เราเลยตัดสินใจแวะเที่ยว+ค้างคืนที่sydney 1คืนค่ะ

ตอนกลางวัน  เพื่อนเลยพาทัวร์รอบเมืองsydney
เพื่อนเราเป็นชาวเชคค่ะ  เป็นหนุ่นิสัยดีชื่อRadek เค้าหลงไหลและชอบคนไทยมาก
(ตอนนี้  ปี2553 มาเรียนภาษาไทยที่เชียงใหม่ค่ะ)







เราได้มีโอกาสถ่ายรูปกับชนเผ่าaborigine ด้วยค่ะ  เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาหน้าเอ็นดูเชียว 
น้องเค้าเป่าเครื่องดนตรีที่เรียกว่า didjeridu  หรือ  didgeridoo   
มันมีลักษณะเป็นหลอดไม้ยาวมากๆๆ  อย่างที่เห็นในรูปค่ะ  ใช้เป่าเหมือนแตร

 ตามประสาชาวAborigineค่ะ  เค้าจะมีการทาสีตามร่างกาย  ใบหน้า  ตกแต่ง   
บางคนก็มีประดับขนนกด้วย  เราเคยรู้มาว่าการตกแต่งพวกนี้เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ประจำชุมชน
หรือครอบครัวที่แตกต่างกันออกไปค่ะ




20 พฤศจิกายน 2553

Joshua's Birthday Party(วันเกิดลูกชายโฮสต์)

บ้านโฮสต์ที่เราอยู่  เค้ามีลูกชายสองคนค่ะ  วัยกำลังน่ารัก
คนโตชื่อJoshua  อายุ 6ขวบ   คนรองชื่อTallis อายุ5ขวบ

วันนี้เป็นวันเกิดของ Joshua  ครบ6ขวบ
คุณแม่เค้าเตรียมงานเป็นเวลาหลายวันทีเดียว
ต้องวางแผนว่าจะเชิญใครบ้าง  โดยส่งการ์ดเชิญไปให้ทุกคน
ต้องเตรียมอาหารสำหรับปาร์ตี้ให้เด็กๆ  และผู้ปกครองเด็ก
ต้องคิดเกมส์ที่จะเล่น
และคิดthemeของงาน  งานครั้งนี้เป็น "Spooky Party"
themeอันนี้  Joshua เป็นคนคิดเองค่ะ  บ้านนี้เค้าให้ลูกคิดเอง 
เค้าสอนให้ลูกได้คิด  ได้แสดงออกแล้วถ้าอันไหนที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงเค้าก็จะทำให้ลูก

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กรู้สึกมีความสุข  แล้วก็ได้ความรักอย่างเต็มที่
ผลจากการดูแลเอาใจใส่จริงๆ  ของพ่อแม่
ทำให้เด็กโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่มีคุณภาพ(แอบจริงจัง  อิอิ)


โฮสต์เราตั้งใจจัดบ้านเพื่อปาร์ตี้นี้มาก  มีการเตรียมตัวเป็นอาทิตย์ๆ
รู้เลยค่ะว่าเค้าทุ่มเทเพื่อลูกจริงๆ  เค้ารักลูกกันมากๆ  ใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
จัดแต่งงานด้วยใจจริงๆ  ลองดูรูปกันนะค่ะ


นี่คือบรรยากาศการตกแต่งค่ะ  มีลูกโป่ง  มีแมวดำ  มีค้างคาว  spookyมากมาย




นี่ๆ  มีหยากไย่  พร้อมแมงมุมด้วยนะค่ะ




ชอบตัวนี้ค่ะ  แมงมุมตาเดียว




มีการแกะฟักทองเหมือนวันฮาโลวีนเลย






เด็กๆมาร่วมปาร์ตี้แว้วววว   แต่งตัวกันมา  ซู๊ดยอดดดด







เด็กๆเล่นเกมส์








พอเริ่มมืด  ฟักทองก็เริ่มน่ากลัววว


และเค้กที่คุณแม่บรรจงทำมาเซอร์ไพรส์birthday boy   น่ากินสุดๆๆเลยเนอะ
เป็นเค้้กที่สร้างสรรที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยนะ


นาทีสำคัญ




และสุดท้าย   เมี๊ยวววววววววววว  Pussy Catค่ะ




08 พฤศจิกายน 2553

ไปรับจ็อบมา (รายได้งาม+สนุกดี)

จับพลัดจับผลู  ไปทำงานพาร์ทไทม์
รายได้งามมมมมมขนาด..... ได้ชัวโมงนึงตั้ง 17.5 เหรียญ


บางคนที่ทำงานร้านอาหารไฮโซ  หรือเจ้านายฝรั่ง  อาจจะคิดว่าก็งั้นๆ
ไม่เห็นจะเยอะแยะอะไรตรงไหน

แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ   ที่ว่ามันงามเพราะเปรียบเทียบกับงานที่ทำไงค่ะ
งานที่ทำนั้นแสนสบาย  หรือเรียกได้ว่า  ไม่ได้ทำอะไรเลยหล่ะ   หุหุ

สิ่งที่เราต้องทำ  คือ  ......
นั่งกินลมชมวิว  ทิงสน
เมาท์มอย+ร้องเพลง(พร้อมท่าประกอบ) กับเพื่อนสาวรู้ใจ
จิบน้ำองุ่น  ทานคุ๊กกี้  หม่ำสปาเก็ตตี้
อ่านหนังสือ  เอาการบ้านขึ้นมาทำ  แล้วก็ถามความคิดเห็นเพื่อน

สบายจางงงงง


มันมีข้อเสียตรงที่ว่า  มันหนาวววววอ่ะ ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ตี5
เลิกบ่ายโมงครึ่ง
อุณภูมิตอนตีห้า  เหยียบศูนย์องศา  เราต้องนั่งทำงานในที่โล่งงงง
ไม่มีหลังคา  ไม่มีผนัง  มีแต่ลมมมมมม

ใจจริงเรา   อยากทำซะทุกอาทิตย์เลยค่ะ
แต่งานมันไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น
เค้าให้มาทำแค่วันเดียวเอง



นายจ้างของเรา คือ Austrafficค่ะ
เค้าให้เราไปนั่งดูเลขทะเบียนรถ
แล้วก็จด จด จด ตามกลุ่ม ตามประเภทที่เค้าให้มา
ทำงานเป็นคู่ๆ duo เราคู่กับบิ๋ม

เหตุผลที่งานเรามันสบายมากมายเพราะว่า
ตรงจุดที่เราอยู่มันไกลโพ้นจากบ้านเรือน
ไกลๆๆๆๆๆๆ
รถที่ผ่านมามันน้อยมาก  จนมีเวลาว่างมากมายได้ทำอย่างอื่น



โชคดี  ที่เราเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้า
เช็ค  อุณภูมิ  เตรียมเก้าอี้ปิกนิก
เพื่อนๆคนอื่นที่ทำงาน  ต้องยืนกันขาแข็ง
แต่เรามีเก้าอี้ประจำตัว  มีเสื่อ  มีตระกร้าปิกนิก
ที่พร้อมไปด้วย  น้ำองุ่น  สปาก็ตตี้  คุ๊กกี้  ขนมปัง
แซนวิช  ผลไม้

ห้า ห้า ห้า  ไฮโซ  โก้เก๋ไปเลย




ชุดทำงานเรา  คุ้นๆ  เหมือนที่กทม.ก็มีเนอะ  อิอิ








05 พฤศจิกายน 2553

คะแนนน้อยเกินคาดได้

เพราะว่าการบ้านMarketing Management ตัวที่แล้วได้คะแนนดีเกินคาด
เราก็เริ่มเกิดกำลังใจ  แล้วก็คิดว่า  อืม....จริงๆเราก็ทำได้

คราวนี้เป็นช่วงที่ต้องทำMarketing management ตัวที่สองแล้วหล่ะ
เราก็เลยทุ่มเทเวลาอ่าน  เวลาเตรียมตัวมากกว่าเดิม
เพราะว่าอยากไ้ด้คะแนนเยอะๆๆๆอีก

จริงๆก็มีการบ้านวิชาอื่นอีกเยอะเลยนะ
มีวิชาเศรษฐศาสตร์(ตัวนี้ก็หินใช่ย่อย)
แล้วก็อีกตัววิชาการเงินระหว่างประเทศ(ตัวนี้ก็ยากมาก  คำนวณเพียบบบ)

ทุ่มเท  เขียน  อ่าน  เกลา
เขียน  อ่าน  เกลา



แต่กลับไม่โดนใจจารย์อ่ะ
เศร้าาาาจายยยย



ผลคะแนนที่ได้  ได้น้อยกว่าครั้งที่แล้วค่ะ
แต่การบ้านตัวนี้  ทุกคนได้คะแนนน้อยลงค่ะ
เพราะว่าอาจารย์เริ่มเคี่ยวขึ้นแล้ว


โจทย์อาจารย์คนนี้ตีความยากอ่ะ  บางทีงงว่าแกอยากได้ไร
เราเคยไปถามพวกออสซี่  ออสซี่ยังบอกเลยว่ามึนนน
งงว่าpointของแกอยู่ตรงไหน


ยังไงก้ต้องสู้ต่อไป
เหงา  เซร็ง  ก้เข้าครัวทำกับข้าวให้น้องๆคนไทยทาน
การทำอาหาร  มันคลายเครียดได้เหมือนกันนะนี่

04 พฤศจิกายน 2553

คะแนนออกแล้ว(ก็ไม่ได้ขี้เหร่นี่นา)

คะแนนassignment ออกมา1ตัวแล้ว

วิชานี้ เป็นวิชาที่เราเคยโดนอาจารย์ไล่ออกจากห้องมาแหละ



เป็นวิชาแรกด้วยที่ส่งการบ้านเป็นessay 1500คำ
มีโจทย์2ข้อ แต่ต้องอ่านเนื้อหาในหนังสือ 5บท ประมาณ120หน้า
แล้วก็อ่านหนังสือเพิ่มเติมตามที่อาจารย์แนะนำอีกประมาณ 50หน้า

หินอยู่เหมือนกัน


ตอนทำ ก็คิดว่า เอาน่า ครั้งแรกกับการเขียนessay ยาวๆขนาดนี้
ให้อภัยตัวเองได้
คิดเอาไว้ว่า ถ้าจะได้คะแนนแค่ครึ่งเดียว แค่ผ่านก็รับได้แล้ว



วันนี้ คะแนนออก
ใจเต้นตึ๊กตั๊ก ตึ๊กตั๊ก

อาจารย์เค้าเอารายงานมาวางที่หน้าห้องเรียน
ไม่อยากเดินไปเอาเลย
ขาสั่นนนนนน



ปรากฏว่า............
........................
........................
........................

ได้11 จากคะแนนเต็ม 15คะแนน<



ดีใจจัง ดีใจจัง
คะแนน ไม่ขี้เหร่เลยนะนี่

จริงๆ อาจได้เยอะกว่านี้ด้วยถ้าไม่โดนหักตรงที่
ลืมใส่เลขหน้า, เขียนreference ไม่ตรงตามformatที่อาจารย์ให้มา


นี่คือคอมเมนท์ที่อาจารย์ให้มา
"Your paper provided a very good coverage of both questions, writing all key points as required"

ปลื้มเลย

เอาหล่ะ ตอนนี้เริมมีกำลังใจสู้หน่อยแล้ว 55555